Metaverse มาจากคำว่า Meta (เหนือกว่า, พ้น, เกินขอบเขต) + Universe (จักรวาล) มีความหมายถึงโลกหรือจักรวาลที่อยู่พ้นขอบเขตที่เรารู้จัก กล่าวคือ Metaverse เป็นโลกเสมือนที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่ให้คนได้เข้าไปทำกิจกรรมต่างๆ และมีปฏิสัมพันธ์กันได้ ไม่ว่าจะเป็น การพูดคุย การประชุม การท่องเที่ยว การซื้อสินค้า การชมคอนเสิร์ต การเล่นเกม โดยใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อเข้าไปในโลกเสมือน เช่น แว่นตา VR (Virtual Reality) และสร้างตัวตนที่เป็น Avatar หรือกราฟฟิก 3 มิติแทนตัวตนของเรา
Metaverse เป็นที่รู้จักในแวดวงเกมออนไลน์ในช่วงแรก และต่อมาหลายๆ บริษัทก็เริ่มลงทุนเพื่อสร้าง Metaverse เป็นของตนเองให้รองรับเทคโนโลยีในอนาคต เช่น มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้ง Facebook ถึงกับประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Meta เพื่อมุ่งหน้าสู่โลก Metaverse โดยจะเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ Facebook ได้สร้างตัวตนขึ้นมาเพื่อทำกิจกรรมและสร้างสรรค์ผลงานของตัวเองได้ในอนาคต
การจะเข้าไปทำกิจกรรมในโลก Metaverse จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยี Augmented Reality (AR) และ Virtual Reality (VR) เราลองไปดูกันว่าเทคโนโลยีที่ว่านี้คืออะไร
เทคโนโลยี AR
AR (Augmented Reality) เป็นเทคโนโลยีที่ผสานเอาโลกแห่งความเป็นจริงเข้ากับโลกเสมือนโดยผ่านอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ร่วมกับการใช้ซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ทำให้มองเห็นภาพที่มีลักษณะเป็นวัตถุแสดงผลบนจอภาพเป็นวัตถุ 3 มิติ ลอยอยู่เหนือพื้นผิวจริง ตัวอย่างเช่น เกม Pokémon GO, การสร้างตัวละคร Avatar, โฮโลแกรมภาพ 3 มิติ
เทคโนโลยี VR
VR (Virtual Reality) หรือความเป็นจริงเสมือน เป็นเทคโนโลยีการจำลองภาพเสมือนของสถานที่หรือสภาพแวดล้อมแบบ 360 องศา โดยผู้ใช้ต้องสวมใส่อุปกรณ์เสริม เช่น แว่นตา VR, ถุงมือ เพื่อจำลองการรับรู้ ภาพและเสียงในโลกเสมือนจริง เช่น การเล่นเกมแนวต่อสู้ การชมพิพิธภัณฑ์ การจำลองการขับเครื่องบิน
Metaverse สำคัญอย่างไร
การแพร่ระบาดของ COVID-19 ช่วงสองปีที่ผ่านมา ทำให้ชีวิตประจำวันของผู้คนเปลี่ยนไป การรักษาระยะห่างทำให้นักเรียนต้องเรียนออนไลน์ พนักงานต้องทำงานจากที่บ้าน ร้านค้าต้องหันมาขายของออนไลน์ งาน Event ต่างๆ ก็ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบมาเป็น Virtual Event ทำให้คนคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตในรูปแบบออนไลน์มากขึ้น ในอนาคตการมาของ Metaverse ก็จะช่วยให้การใช้ชีวิตของเราบนโลกออนไลน์มีความเสมือนจริงมากขึ้น เช่น
ธุรกิจ E-Commerce สามารถสร้างอินฟลูเอนเซอร์เสมือนจริงให้ช่วยโฆษณาสินค้าในโลก Metaverse ได้ ผู้บริโภคก็สามารถเลือกซื้อและทดลองสินค้าออนไลน์ เช่น เสื้อผ้า เครื่องประดับ โดยไม่ต้องไปที่ร้านค้าจริงได้
ธุรกิจท่องเที่ยว จำลองสถานที่ท่องเที่ยว และงานเทศกาลต่างๆ ในโลกเสมือนจริง ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสบรรยากาศก่อนจะเดินทางไปท่องเที่ยวจริง
ธุรกิจบันเทิง จัดคอนเสิร์ตเสมือนจริง ผู้ชมสามารถเข้าร่วมคอนเสิร์ตได้จากทุกที่ทั่วโลก ในวงการภาพยนตร์สามารถสร้างตัวละครหรือสถานที่เสมือนจริงได้
วงการแพทย์ ใช้ในการจำลองการผ่าตัดเสมือนจริงสำหรับการผ่าตัดที่ยากและมีความเสี่ยงสูง เพื่อให้แพทย์ได้ซ้อมและประเมินความเสี่ยงก่อนผ่าตัดจริง
ด้านการลงทุน ในโลก Metaverse จะใช้สินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง Cryptocurrency และ Token Digital สำหรับซื้อขายสินค้าในรูปแบบของ NFT (Non-Fungible Token) โดยใช้เทคโนโลยี Blockchain จึงช่วยให้ตรวจสอบการทำธุรกรรมได้
บทสรุป
ด้วยเทคโนโลยี Augmented Reality (AR) และ Virtual Reality (VR) ที่กำลังพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งในปัจจุบัน ทำให้ Metaverse กำลังจะกลายเป็นโลกเสมือนจริงแห่งอนาคตที่ผู้คนจากทั่วโลกสามารถเข้าไปมีปฏิสัมพันธ์ในสถานที่เดียวกันได้ แม้ว่าในโลกแห่งความเป็นจริงจะอยู่ห่างไกลกันก็ตาม
นอกจากนี้ ในอนาคตเทคโนโลยี Crytocurrency, Blockchain และ NFT ก็จะมีบทบาทสำคัญในด้านเศรษฐกิจของโลก Metaverse ทำให้บริษัทต่างๆ หรือคนทั่วไปก็สามารถสร้างสรรค์ผลงาน NFT ที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลกและวางขายบน Metaverse ได้ จึงไม่น่าแปลกใจที่หลายๆ บริษัทกำลังให้ความสนใจเข้าร่วมในโลกเสมือนนี้มากขึ้น
ที่มา:
https://www.thairath.co.th/lifestyle/tech/2230534
https://www.bitkub.com/blog/what-is-metaverse-4d0c424ac184
https://www.nectec.or.th/news/news-article/9about-metaverse.html
https://www.efinancethai.com/Fintech/FintechMain.aspx?release=y&name=ft_202204111141
Credit image: freepik.com