หลายคนคงเคยได้ยินข่าวเรื่องการเข้ามากำกับดูแลธุรกิจเช่าซื้อและลิสซิ่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของธนาคารแห่งประเทศไทยกันแล้ว บริษัทไอโคเน็กซ์เองก็มีฐานลูกค้าที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับสินเชื่อยานยนต์อยู่หลายราย วันนี้เราจึงอยากมาแชร์รายละเอียดของข่าวนี้ให้ทุกท่านรับทราบครับ
กฎหมายเช่าซื้อใหม่ ก้าวสำคัญสู่การกำกับดูแลธุรกิจสินเชื่อยานยนต์
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาเพื่อควบคุมธุรกิจเช่าซื้อและลีสซิ่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นครั้งแรก โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2568 กฎหมายนี้ไม่ได้มุ่ง “คุมเข้ม” แต่มีเป้าหมายเพื่อ “ช่วยดูแล” ให้ตลาดสินเชื่อยานยนต์มีมาตรฐานและเป็นธรรมมากขึ้น โดยธปท. จะดูแลเสถียรภาพทางการเงินในภาพรวม เนื่องจากธุรกิจนี้มีมูลค่าสูงถึง 1.6 ล้านล้านบาท ซึ่งคิดเป็นเกือบ 10% ของหนี้ครัวเรือนรวมของประเทศ
เหตุผลเบื้องหลัง

การเข้ามากำกับดูแลของธปท. เกิดจากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นและข้อร้องเรียนจากผู้บริโภคจำนวนมาก ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมนี้มีมากกว่า 3,000 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดเล็กและมีการให้ข้อมูลที่ไม่โปร่งใส รวมถึงปัญหาเรื่องค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ยที่สูง บทบาทใหม่ของ ธปท. จะช่วยเสริมการทำงานของหน่วยงานเดิมอย่างสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพื่อดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจและคุ้มครองผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุม
ขอบเขตของกฎหมาย
พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้บังคับใช้กับนิติบุคคลที่ทำธุรกิจเช่าซื้อและลีสซิ่งรถยนต์/รถจักรยานยนต์เป็นทางค้าปกติ แต่ยกเว้นสำหรับนิติบุคคลที่มีหน่วยงานกำกับดูแลอยู่แล้ว เช่น ธนาคารพาณิชย์ และสหกรณ์ การกำกับดูแลนี้ครอบคลุมรถยนต์และรถจักรยานยนต์หลายประเภทตามพระราชบัญญัติรถยนต์
สาระสำคัญของกฎเกณฑ์ใหม่
กฎหมายฉบับใหม่นี้มีเป้าหมายเพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการทางการเงินและสร้างความเป็นธรรมระหว่างผู้ประกอบการกับผู้บริโภค โดยกำหนดให้ผู้ประกอบการต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์สำคัญ 4 ด้าน ได้แก่
- อัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม
ธนาคารแห่งประเทศไทยจะเป็นผู้กำหนดอัตราดอกเบี้ยสูงสุดและค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่ผู้ประกอบการสามารถเรียกเก็บได้ โดยมีหลักการให้เพดานดังกล่าวมีความ “สมเหตุสมผล” และ “สอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริง” เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้บริโภคถูกเอาเปรียบจากการคิดค่าบริการเกินความจำเป็น
- การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบ (Responsible Lending)
ผู้ประกอบการต้องพิจารณาความสามารถในการผ่อนชำระของลูกค้าเป็นสำคัญ ไม่สามารถปล่อยสินเชื่อโดยไม่ประเมินความเสี่ยงหรือความสามารถในการชำระหนี้ได้ จุดประสงค์คือเพื่อป้องกันการก่อหนี้เกินตัวและลดปัญหาหนี้ครัวเรือนในระยะยาว
- การคุ้มครองผู้บริโภค
กำหนดให้ผู้ประกอบการต้องเปิดเผยข้อมูลที่จำเป็นต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคอย่างครบถ้วน ชัดเจน และโปร่งใส เช่น อัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม เงื่อนไขการชำระหนี้ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้ผู้บริโภคมีข้อมูลเพียงพอและตัดสินใจได้อย่างรอบคอบ
- มาตรฐานการให้บริการ
ผู้ประกอบการต้องจัดให้มีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ประสบปัญหา เช่น การปรับโครงสร้างหนี้ การขยายระยะเวลาชำระ หรือมาตรการบรรเทาภาระหนี้ในกรณีฉุกเฉิน ทั้งนี้เพื่อให้ลูกหนี้มีโอกาสแก้ไขปัญหาทางการเงิน และลดความเสี่ยงของการผิดนัดชำระหนี้ถาวร

อำนาจหน้าที่ของธปท.
กฎหมายเช่าซื้อใหม่ ให้อำนาจแก่ ธปท. ในการทำหน้าที่กำกับดูแลกิจการด้านสินเชื่ออย่างรอบด้าน โดยครอบคลุมเรื่องต่างๆ ดังนี้
- การออกหลักเกณฑ์ เพื่อใช้บังคับกับผู้ประกอบการให้ปฏิบัติอย่างเป็นมาตรฐานเดียวกัน
- การตรวจสอบและติดตาม การดำเนินงานของผู้ประกอบการว่ามีการปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
- การสั่งแก้ไขหรือดำเนินคดี หากพบการฝ่าฝืน ธปท. มีสิทธิ์สั่งให้แก้ไขทันที รวมถึงมีอำนาจในการลงโทษ ทั้งโทษปรับทางปกครอง และโทษอาญา เช่น ปรับเป็นเงินหรือจำคุก เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิผลและสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามอย่างจริงจัง
ผลกระทบและประโยชน์
กฎหมายใหม่นี้คาดว่าจะสร้างประโยชน์ให้กับทุกฝ่ายประกอบไปด้วย
- ผู้บริโภค
ได้รับการคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐาน ได้รับบริการที่มีความเป็นธรรม ทั้งด้านราคา เงื่อนไข และการให้บริการ ตลอดอายุสัญญา ส่งผลให้ผู้บริโภคมั่นใจมากขึ้นในการใช้บริการทางการเงิน
- ผู้ประกอบการ
การยกระดับมาตรฐานและความโปร่งใสจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือในสายตาลูกค้าและนักลงทุน อีกทั้งยังสร้าง “สนามแข่งขันที่เท่าเทียม” ระหว่างผู้ประกอบการทุกราย ลดโอกาสของการทำธุรกิจที่ไม่เป็นธรรม
- เศรษฐกิจไทยโดยรวม
เมื่อการปล่อยสินเชื่อมีความรับผิดชอบและอยู่ภายใต้การกำกับที่เข้มแข็ง จะช่วยลดปัญหาหนี้ครัวเรือนสะสม สร้างเสถียรภาพทางการเงิน และสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว
แผนการดำเนินงาน
กฎหมายฉบับนี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 2 ธันวาคม 2568 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของกฎหมายฉบับใหม่
โดยธนาคารแห่งประเทศไทยได้กำหนดระยะเวลาให้ทุกภาคส่วนมีเวลาในการปรับตัว เตรียมระบบงาน กำหนดแนวปฏิบัติ และพัฒนากระบวนการที่จำเป็นให้พร้อมก่อนถึงวันที่กฎหมายมีผลบังคับใช้อย่างสมบูรณ์
นอกจากนี้ ธปท. ยังได้เปิดกระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทั้งจากภาคธุรกิจ สถาบันการเงิน ผู้ประกอบการ และประชาชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้แน่ใจว่ากฎหมายดังกล่าวสามารถบังคับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับความเป็นจริง และลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย
ทั้งนี้ กระบวนการรับฟังความคิดเห็นยังช่วยให้เกิดความเข้าใจร่วมกันระหว่างหน่วยงานกำกับดูแลและภาคเอกชน พร้อมเป็นโอกาสในการแลกเปลี่ยนมุมมองเพื่อปรับปรุงแนวทางการบังคับใช้กฎหมายให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น
บทสรุป
การเข้ามากำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยยกระดับมาตรฐานของธุรกิจสินเชื่อยานยนต์และสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้บริโภคในระยะยาว ผู้ประกอบการควรเตรียมพร้อมปรับปรุงการดำเนินงานให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ใหม่เพื่อความยั่งยืนของธุรกิจ
สำหรับบริษัทที่ประกอบธุรกิจสินเชื่อ หากคุณกำลังมองหาระบบสินเชื่อแบบครบวงจร บริษัทไอโคเน็กซ์ขอแนะนำระบบ Looms (Loan Origination & Management System) ที่มาพร้อมฟีเจอร์การสมัครสินเชื่อสำหรับลูกค้าและระบบหลังบ้านสำหรับจัดการข้อมูล
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ พลิกโฉมการสมัครและอนุมัติสินเชื่อออนไลน์ด้วยระบบ Looms
ดาวน์โหลดเอกสารแนะนำระบบ Looms
สนใจให้เรา demo ระบบ สามารถติดต่อทีมงานของเราได้ที่ thaisales@iconext.co.th หรือคลิก Inquiry Form
เป็นเพื่อนกับเราเพื่อรับข่าวสารอัปเดต สแกน QR Code นี้ได้เลยค่ะ

ที่มา
แบงก์ชาติ กับ “กติกาใหม่” ในการกำกับดูแลธุรกิจเช่าซื้อและลีสซิ่ง
ทำไม ธปท. ต้องกำกับดูแลธุรกิจเช่าซื้อฯ – ธนาคารแห่งประเทศไทย
Media Briefing การกำกับดูแลธุรกิจการให้เช่าซื้อและการให้เช่าแบบลีสซิ่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์