Hyperautomation หมายถึง การใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI), Machine Learning (ML) และ Robotic Process Automation (RPA) เพื่อทำงานต่างๆ ที่มนุษย์เคยทำให้เป็นกระบวนการอัตโนมัติให้มากที่สุด และยังรวมไปถึงระดับของการทำให้เป็นอัตโนมัติอีกด้วย กล่าวกันว่า Hyperautomation เป็นขั้นตอนสำคัญของการก้าวไปสู่ Digital Transformation สำหรับองค์กรในปัจจุบัน
ประเด็นสำคัญคือ Hyperautomation ไม่ได้มีไว้เพื่อทำงานอัตโนมัติแทนที่คนทั้งหมด แต่จะใช้กับงานซับซ้อนที่คนต้องทำซ้ำๆ และงานที่ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์แก่องค์กรมากนัก เพื่อให้คนมีเวลาไปทุ่มเทให้กับงานที่ทำแล้วสามารถสร้างประโยชน์ให้กับองค์กรได้ การนำ automation มาใช้ร่วมกันการทำงานของคน จึงช่วยลดต้นทุนการดำเนินงาน และเพิ่มผลกำไรให้กับองค์กรได้
องค์ประกอบที่สำคัญของ Hyperautomation

1. Robotic Process Automation (RPA)
RPA คือเทคโนโลยีการทำงานบนคอมพิวเตอร์ให้เป็นงานอัตโนมัติโดยใช้ซอฟต์แวร์หุ่นยนต์ ซึ่งหุ่นยนต์นี้จะทำงานโดยเลียนแบบการทำงานของคนบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ สามารถรับส่งข้อมูลกับระบบต่างๆ ได้อัตโนมัติ ซึ่งเบื้องหลังการทำงานของซอฟต์แวร์หุ่นยนต์คือ มีคนเป็นผู้ออกแบบกระบวนการและขั้นตอนการทำงานเหล่านั้น การนำ RPA มาใช้จึงทำให้คนไม่ต้องเสียเวลาไปทำงานซ้ำๆ ลดความผิดพลาดที่เกิดจากคน (Human error) นอกจากนี้หุ่นยนต์ยังสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอด 24 ชั่วโมงอีกด้วย
2. Business Process Management (BPM)
BPM หรือการจัดการกระบวนการทางธุรกิจภายในองค์กรให้มีประสิทธิภาพ คือการสร้างโมเดลต้นแบบของ Workflow และคิดค้นกระบวนการทำงานแบบใหม่ที่สามารถค้นพบ วิเคราะห์และแก้ไขปัญหา พร้อมทั้งปรับปรุงการทำงานที่ต้องทำต่อเนื่องให้ดีขึ้นโดยใช้เครื่องมือต่างๆ BPM เป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของ Hyperautomation เพราะมุ่งเน้นที่การสร้างกระบวนการต่างๆ ให้เป็นระบบอัตโนมัติ ลดต้นทุนการดำเนินงาน และช่วยให้คนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3. Artificial Intelligence (AI) and Machine Learning (ML)
AI หรือปัญญาประดิษฐ์คือ การฝึกให้เครื่องจักรหรือคอมพิวเตอร์สามารถจำลองการทำงานต่างๆ โดยเลียนแบบพฤติกรรมของมนุษย์ได้ ตัวอย่าง AI ที่รู้จักกันดี เช่น Siri, Alexa, หุ่นยนต์ดูดฝุ่น, รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ, Chatbot เป็นต้น
ML หรือการเรียนรู้ของเครื่องคือ การนำหลักการทางคณิตศาสตร์และสถิติมาหา Pattern หรือรูปแบบต่างๆ ในข้อมูล โดยใช้ algorithm เพื่อนำไปทำนายผลลัพธ์ในอนาคต การเรียนรู้ของเครื่องแบ่งเป็น 2 รูปแบบใหญ่ๆ คือ การเรียนรู้แบบมีผู้สอน (Supervised learning) และการเรียนรู้แบบไม่มีผู้สอน (Unsupervised learning)
การเรียนรู้แบบมีผู้สอนคือการที่เครื่องเรียนรู้และทำนายผลลัพธ์จากข้อมูลที่ป้อนเข้าไป โดยมีนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Scientist) เป็นผู้วิเคราะห์ข้อมูลที่จะนำมาใช้ จัดเตรียมข้อมูลสำหรับประมวลผล เลือกใช้ algorithm และนำผลลัพธ์ที่ได้มาวิเคราะห์หา Insight ที่ได้จากชุดข้อมูลนั้น จากนั้นจึงนำไปทำนายผลสำหรับข้อมูลชุดใหม่ต่อไป ส่วนการเรียนรู้แบบไม่มีผู้สอนคือการที่เครื่องเรียนรู้จากข้อมูลที่ป้อนเข้าไปแล้วจำแนกประเภทของข้อมูลและสร้าง pattern ของข้อมูลขึ้นมา
การนำ AI และ ML มาใช้จะช่วยลดเวลาในการวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก ทำให้ธุรกิจต่างๆ คาดเดาพฤติกรรมลูกค้าได้แม่นยำขึ้น จึงนำเสนอสินค้าและบริการได้ตรงกับที่ลูกค้าต้องการ และนำไปสู่ผลประกอบการที่มากขึ้น
4. Advanced Analytics
Advanced Analytics หรือการวิเคราะห์ขั้นสูงคือการใช้เทคนิคและเครื่องมือที่ซับซ้อนกว่า BI tools ในการวิเคราะห์ข้อมูลทั้งแบบมีโครงสร้าง (Structured Data) และไม่มีโครงสร้าง (Unstructured Data) เพื่อค้นหาข้อมูลเชิงลึกได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Structured Data หรือ ข้อมูลที่มีโครงสร้าง เป็นข้อมูลที่จัดเก็บแบบมีโครงสร้างชัดเจน เช่น เก็บเป็น Table และมีคำจำกัดความของชุดข้อมูลนั้น ตัวอย่างข้อมูลประเภทนี้ เช่น ข้อมูลส่วนสูงของคน เป็นตัวเลขระหว่าง 0-200, ข้อมูลบัตรประชาชน เป็นตัวเลขที่ไม่ได้มีความหมายในเชิงการคำนวณ
Unstructured Data หรือ ข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง ไม่ได้เก็บอยู่ในรูปแบบ Table เช่น ข้อความ ภาพ เสียง วีดิโอ หากจะนำมาใช้งานจะต้องระบุความหมายของข้อมูลก่อน

ข้อดีของ Hyperautomation
- ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน
เมื่องานที่ต้องทำเป็นประจำถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติ ทำให้งานเสร็จเร็วขึ้นด้วยจำนวนคนเท่าเดิม พนักงานมีเวลาไปโฟกัสกับงานที่ระบบไม่สามารถทำได้ และสามารถพัฒนาศักยภาพด้านอื่นๆ เพิ่มเติมได้
- บูรณาการเทคโนโลยีและกระบวนการของทั้งองค์กร
Hyperautomation เป็นการผสมผสานเทคโนโลยีขั้นสูงไม่ว่าจะเป็น AI, ML, RPA เข้ากับกระบวนการทำงานขององค์กร จึงมีความยืดหยุ่นกว่าการพึ่งพาแค่เทคโนโลยีบางอย่างเท่านั้น และช่วยให้พนักงานในองค์กรสามารถทำงานได้อย่างราบรื่น
- ลดต้นทุนและเพิ่มผลกำไรให้องค์กร
แนวทางการขับเคลื่อนองค์กรด้วย Hyperautomation ช่วยให้กระบวนการทำงานเป็นอัตโนมัติ และสามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่เพื่อนำไปปรับปรุงการดำเนินธุรกิจ จึงช่วยลดต้นทุนและเพิ่มผลกำไรให้กับองค์กรได้
Hyperautomation เป็นแนวทางที่เริ่มจากการนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้ในองค์กร อาจจะเริ่มจากการใช้ RPA, Machine Learning แล้วต่อยอดไปสู่การปรับปรุงกระบวนการทำงานอื่นๆ ให้เป็นอัตโนมัติมากขึ้น จึงเป็นหนึ่งในเทรนด์เทคโนโลยีที่องค์กรควรให้ความสนใจและนำมาปรับใช้เพื่อก้าวไปสู่การทำงานในยุคดิจิทัลให้มากขึ้น
ที่มา: